Palantir Technologies

Palantir ลูกแก้ววิเศษที่ไว้ส่องทำนายอนาคตใน Lord of the rings กลายมาเป็นชื่อ StartUp ที่ลึกลับที่สุดแห่งงยุค ซึ่งก่อตั้งในปี 2003 โดย Peter Thiel นักลงทุนชื่อดัง (ผู้ร่ำรวยจากขาย Paypal เมื่อปี 2002) และเพื่อนๆ โดย Alexander Karp รับตำแหน่งเป็น CEO

Karp สามารถดึงวิศวรกรคอมเก่งๆ มาทำงานด้วยมากมาย และสร้างวัฒนธรรมองค์กรเฉพาะตัวขึ้นมา พนักงานทุกคนชอบใส่เสื้อบริษัท และแทบจะกินนอนอยู่สำนักงานเลย โดยเขาเรียกที่นี่ว่า The Shire

พวกเขาได้เงินลงทุน $2 ล้าน จาก In-Q-Tel ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนของ CIA และอีก $30 ล้านจากตัว Thiel เอง โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาลจากแหล่งต่างๆ หรือ Big data ด้วย A.I. โดยในปี 2005-2008 CIA เป็นลูกค้าเพียงรายเดียวของ Palantir แล้วต่อมา 2010 ได้ลูกค้าเอกชนรายแรก คือ JPMorgan เพราะทาง NYPD ต้องการให้สถาบันการเงินลองใช้เพื่อป้องกันการฟอกเงิน และตรวจสอบธุรกรรมที่น่าสงสัยต่างๆ

Palantir เข้ามาช่วยภาครัฐในการจัดการข่าวกรองต่างๆ โดยจะไม่ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัว แต่สามารถป้องกันภัยและตรวจหาแนวโน้มความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยภาคเอกชนในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
โดยแบ่งเป็น 3 ผลิตภัณฑ์หลักได้แก่

Gotham เป็นแพลทฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อความมั่นคง ใช้ในการต่อต้านผู้ก่อการร้าย, ตรวจสอบการฉ้อโกง, และวิเคราะห์ภัยคุกคามทางไซเบอร์
Metropolis เป็นแพลทฟอร์มที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินการธนาคาร ถูกใช้โดย hedge fund, ธนาคาร, และสถาบันการเงินต่างๆ
Foundry ถูกใช้โดยบริษัทเอกชนทั่วไป เช่น Morgan Stanley, Merck KGaA, Airbus

สิ่งที่ Palantir ขายนั้นจริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ แต่มันคือบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าแบบสุดๆ อยากได้อะไร customize ให้หมด
โดยคิดค่าติดตั้งใช้งานเริ่มต้นที่ $1 ล้าน และมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ รายเดือน
Palantir มีสายสัมพันธ์อย่างแน่นหนากับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตั้งแต่เริ่มต้นบริษัท และกลุ่มลูกค้าเองก็เน้นเรื่องการให้ความสำคัญกับความลับของลูกค้าเป็นสำคัญ

ช่วงปี 2010-2012 ได้ร่วมมือกับ Thomson Reuters ในการขาย Palantir Metropolis ออกไป (มีคนประมาณการว่าปี 2011 มีรายได้ถึง $250 ล้าน)

ปี 2013 Karp เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าบริษัทคงไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะการดำเนินธุรกิจในแบบของเค้ายากมากที่จะต้องเปิด Public แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2014 บริษัทถูกตีมูลค่าอยู่ที่ $9 พันล้านโดย Forbes จากการเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นใน Silicon Valley แล้วพอ 2015 บริษัทมีมูลค่าถึง $20 พันล้าน จากการเพิ่มทุน $880 ล้าน พอมาช่วงปลายปี 2018 Wall Street Journal ออกมาบอกว่า Palantir อาจจะออก IPO ในช่วงปี 2019 ด้วยมูลค่าบริษัทที่ $41 พันล้าน

นอกจากนี้ความสุดยอดของ Palentir คือ มีที่ปรึกษา เป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ Condoleezza Rice และอดีตผู้อำนวยการ CIA David Petraeus อีกทั้งยังมีข่าวฉาวเรื่อยๆ เช่น

  • มีข่าวการซื้อหุ้น $225 ล้าน คืนจากพนักงาน เพื่อแลกกับการให้พนักงาน เก็บความลับ บางอย่างของบริษัท
  • Edward Snowden เคยออกมาเปิดเผยว่า Palantir มีส่วนกับรัฐบาลโจรกรรมข้อมูลประชาชน
  • มีข้อกล่าวหาเรื่องการเลือกปฏิบัติต่อวิศวกรชาวเอเชีย จนต้องจ่ายเงินชดเชยถึง $1.7 ล้าน

มีคนบอกว่าตอนนี้ Karp ต้องมี body guard ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นทีมทหารรับจ้างจากอดีตหน่วยนาวิกโยธิน เพื่อป้องกันการจู่โจมจากพวกหัวรุนแรงและพวกก่อการร้าย โธ่! ชีวิตแบบนี้ รวยไปก็ไม่แน่จะมีความสุขนะเนี่ย

Leave a Reply