Agoda

จากที่เคยเล่าเกี่ยวกับ Airbnb ไปในหนังสือเล่มที่แล้ว “การเดินทางของเหล่ายูนิคอร์น” นั่นคือธุรกิจที่เข้ามา disrupt ภาคบริการโรงแรม แต่ก่อนหน้านั้นก็มีคนพยายามเข้ามาช่วยให้การจองโรงแรมเป็นเรื่องง่าย และเชื่อไหมครับ เขาเริ่มต้นที่นี่ประเทศไทย

Michael Kenny ชาวอเมริกันที่ย้ายมาอยู่ภูเก็ต เริ่มก่อตั้งเว็บไซต์ในปี 1998 ชื่อ planetholiday.com เพื่อเป็น search engine ในการค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวและโรงแรม พอปี 2002 เขาก็ได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพและก่อตั้งอีกเว็บไซต์ชื่อ precisionreservation.com เพื่อใช้ในการจองโรงแรม แล้วต่อมาเขาก็ได้รวมทั้ง 2 เว็บไซต์เป็นหนึ่งเดียวในปี 2005 ชื่อ agoda.com ซึ่งต้องบอกว่าเขาเกิดขึ้นมาในช่วงวิกฤต ตั้งแต่เหตุการณ์ 911 ในปี 2001 ที่อเมริกา การระบาดของซาร์สปี 2003 ที่มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 8,000 คน คร่าชีวิตไปทั้งสิ้นเป็นพันคน สาเหตุเหล่านี้ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวตกต่ำลง แต่ Agoda คือหนึ่งในผู้บุกเบิก และอดทนทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนคู่แข่งระดับโลกอย่าง Priceline ได้เข้ามาขอซื้อกิจการไปในปี 2007

สิ่งที่ Agoda ทำเราเรียกว่า Online Travel Agency (OTA) เป็นนายหน้ารับจองโรงแรมออนไลน์ โดยเขาจะไปรวบรวมและติดต่อโรงแรมต่างๆ ทั่วโลกให้เข้ามาเป็นสินค้าในระบบ ทำการตลาดให้คนรู้จักเว็บ ให้เวลานึกถึงอยากจะจองโรงแรมแทนที่จะติดต่อโรงแรมโดยตรงก็ให้สามารถเข้ามาค้นหาและเปรียบเทียบข้อมูลแต่ละโรงแรมได้จากเว็บไซต์ นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น sharing economy platform ต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นเจ้าของโรงแรมเลยแม้แต่โรงแรมเดียว แต่สามารถแชร์รายได้จากธุรกิจโรงแรมได้มหาศาล และทีสำคัญคืออำนาจการต่อรองสูงขึ้นเรื่อยๆ ขนาดที่บางโรงแรมมีรายได้การจองจาก Agoda เป็นหลักเลย ถ้า Agoda ขึ้นราคาค่า commission ก็ไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ กลัวซะอีกถ้าเค้าเอาโรงแรมออกจากในระบบ ยิ่งหลังๆ ใครทำโรงแรมใหม่ก็จะอยากขอเข้ามา list อยู่ใน Agado เพื่อเพิ่ม awareness ให้เป็นที่รู้จักด้วย ซึ่งแน่นอนจากการเข้ามา disrupt ธุรกิจโรงแรมของ Airbnb ก็ทำให้ Agoda ต้องปรับตัว นอกจากจะมีโรงแรมแล้ว ตอนนี้ก็มีการรวบรวมที่พักประเภทต่างๆ ทั้ง Apartment, Villa, บ้านพักส่วนตัว อีกมากมาย

ในระดับโลก จะมีคู่แข่งที่เราอาจจะคุ้นหูหลายรายอย่าง booking.com ภายใต้ Priceline เช่นกัน, Expedia ของอเมริกา, Ctrip ของจีน, และ Traveloka ของอินโดนิเซีย ทั้งหมดเข้ามาแบ่งเค้ก OTA ในระดับโลกกัน เพราะทุกเจ้าอยากจะเป็นที่หนึ่งในใจของนักท่องเที่ยว พยายามจะ acquire ธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมบริการทั้งหมดให้เป็น one stop service

อย่าง Priceline มี booking.com ที่วางตำแหน่งไว้ให้เป็นเว็บจองโรงแรมระดับโลก มี Cheapflights ในการค้นหาเที่ยวบิน มี Rentalcars ในการจองรถเช่า มี Kayak เป็น search engine เรื่องท่องเที่ยว มี Opentable สำหรับจองร้านอาหาร และเข้าซื้อ Agoda โดยวางตำแหน่งให้เป็นเว็บอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เรื่องการจองโรงแรม ต่อมา Pricline ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Booking Holdings (NASDAQ: BKNG)

Expedia (NASDAQ: EXPE) มีประวัติน่าสนใจมากเพราะเริ่มต้นจากเป็นแค่แผนกหนึ่งของ Microsoft แล้วถูกซื้อไปโดย TicketMaster ซึ่งได้เปลี่ยนเป็น InterActiveCorp (IAC) แล้วต่อมาก็แยกตัวออกบริหารงานเป็นเอกเทศ แล้วเข้าซื้อกิจการเยอะแยะเลย อาทิเช่น Trivago 477 ล้านยูโร ซื้อ Travelocity $280 ล้าน ซื้อ Orbitz $1.2 พันล้าน

ส่วน Ctrip จากจีน ก็อยู่ในตลาดหุ้น NASDAQ เหมือนกันรหัส CTRP ก็ได้ซื้อ Skyscanner ไปเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระดับโลก เพราะตัวเองอยู่ในจีนก็ครองตลาดเป็นอันดับ 1 แล้ว หากเข้าไปดูในเว็บไซต์จะพบว่า Ctrip มีทุกอย่างครบเช่นกัน ตั้งแต่ จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม จองตั๋วรถไฟ และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว

สุดท้ายยูนิคอร์นจากอินโดนีเซีย Traveloka บริษัท StartUp ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นปี 2012 โดยหนุ่มอายุ 23 Ferry Unardi เขาเรียนที่ Boston ทำงานที่ Microsoft Seattle และมีโอกาสเข้าเรียน MBA ที่ Harvard แต่เรียนไปได้แค่เทอมเดียว ก็ตัดสินใจมาลุย Traveloka อย่างเต็มตัว โดยมีประโยคเท่ๆ ว่า We’re 23, we’re young enough to make mistakes. แล้วเขาก็ทำมันได้ค่อนข้างดีทีเดียวจน Expedia ก็มาลงทุนด้วย $350 ล้าน

กลับมาที่ Agoda ที่เล่าไปว่าก่อตั้งในเมืองไทย แต่ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย เขาก็เลยไปจดทะเบียนตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ และมีสำนักงานย่อยอีก 50 กว่าแห่งใน 30 เมืองใหญ่ทั่วโลก โคตรน่าเสียดายโอกาสของประเทศไทยครับ ถ้าเราจะอยู่กันต่อไปแบบนี้ กฎหมายไม่เอื้ออำนวยต่อการลงุทน ก็จะมีบริษัทที่เกิดที่นี่ไปโตสิงคโปร์ ไปเข้าตลาดหุ้นต่างประเทศอีกมาก

Leave a Reply