เป้าหมาย… สิ่งที่ชีวิตต้องการ

ในโลกที่มีการแข่งขันสูงอย่างในปัจจุบันโดยเฉพาะผู้คนในเมืองใหญ่
เรามักจะคุ้นตากับภาพ เด็กที่ต้องแย่งกันเรียนตั้งแต่ตัวยังกะเปี๊ยก
ต้องตื่นแต่เช้ารีบไปโรงเรียน เสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนพิเศษตามกวดวิชาต่างๆ
วันสอบสำคัญๆ อย่างสอบเข้า ป.1 ม.1 หรือมหาวิทยาลัย ก็ทำให้สถานที่สอบล้นทะลักไปด้วยพ่อแม่ผู้ปกครอง
ทุกคนเข้าใจว่าอย่างน้อยๆ สมัยนี้ก็ต้องจบปริญญาตรีกัน ถึงจะไปแข่งกันสมัครเข้าทำงานบริษัทใหญ่ๆ ต่อได้
แล้วพอได้ทำงาน ก็ต้องแข่งกันระหว่างแผนกนี้กับแผนกโน่น บริษัทนั้นกับบริษัทนี้ แข่งกันตลอดเวลา
คำถามคือ แล้วไม่เหนื่อยกันบ้างหรือครับ?

ชีวิตมนุษย์เมืองถูกกำหนดให้ป้อนเข้าสู่ระบบที่มีคนปลูกฝังเอาไว้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดี ที่ปลอดภัย แล้วก็ทำตามๆ กันไป
หลายคนสู้ยิบตา ทำงานถวายชีวิต รีบเข้างานแต่เช้า กลับถึงบ้านสี่ห้าทุ่ม ทำงานจนป่วย
พอได้พัก ก็จะกลับมาถามตัวเองสงสัยว่า ทั้งหมดนั้นทำไปเพื่ออะไร เพื่อเงินหรือ? เพื่อคนที่เรารักหรือ? เพื่ออยากชนะหรือ?
ทำไมเป็นเช่นนั้นหรือครับ? ผมคิดว่าเพราะเราไม่เคยรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตเราคืออะไร
เราแค่ใช้ชีวิตตามแบบที่สังคมกำหนด แบบที่คนอื่นๆ คิดว่าดี แล้วก็ใส่ตัวเองอยู่ในกรอบนั้นโดยเข้าใจว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

ผมไม่ได้บอกว่ามันผิด ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะ มันดี มันปลอดภัย และเป็น comfort zone ของคนส่วนใหญ่
มันไม่ใช่เรื่องผิดเลยที่เราจะทำงานหนัก และเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
หรือเราจะเลือกเส้นทางในการทำธุรกิจของตัวเอง แล้วก็ชวนคนอื่นๆ มาร่วมผจญภัยลองผิดลองถูกกับเรา
ชีวิตคนเราแต่ละคนมีหนทาง และที่หมายไม่เหมือนกัน มันสำคัญที่ว่าจากจุดที่เราอยู่ไปถึงจุดหมายปลายทางที่ใดที่หนึ่งนั้นเรามีความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่ในแต่ละวันไหม

อย่างที่ Steve Jobs เคยกล่าวสุนทรพจน์ไว้ที่ Stanford เรื่อง “Stay Hungry, Stay Foolish
มีใจความตอนหนึ่งว่า “ตอนผมอายุ 17 ผมอ่านคำคมที่เกี่ยวกับว่า จงใช้ชีวิตในทุกวันให้เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วซักวันหนึ่งคุณจะอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง นั่นทำให้ผมประทับใจและจดจำ ตั้งแต่วันนั้นผ่านมา 33 ปี ผมดูตัวเองในกระจกทุกเช้าแล้วถามตัวเอง ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของผม ผมอยากจะทำอะไรในวันนี้ที่ต้องทำหรือไม่ และ ถ้าในกระจกตอบว่าไม่หลายวันติดกัน ผมก็รู้แล้วว่าผมต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง?”

Elon-Musk-Quote

เป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก มันกำหนดทิศทางที่เราจะไป ยิ่งถ้ามันยิ่งใหญ่เท่าไร ชีวิตเราจะมีความหมายทั้งต่อตัวเองและโลกใบนี้มากขึ้นเท่านั้น
Elon musk เป็นหนึ่งในคนที่มีสิ่งนี้ เป้าหมายของเค้าทั้งยิ่งใหญ่และชัดเจนมาก มันท้าทายจนใครหลายๆ คนคิดว่าเป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ยานอวกาศเพื่อการพาณิชย์ และ Solar energy ที่เค้าทำมันไปพร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน
เค้าต้องผ่านการตัดสินใจที่สำคัญหลายครั้งหลายครา ทุ่มเททุกอย่างแบบหมดหน้าตักเพื่อสิ่งที่เค้าเชื่อ เพื่อเป้าหมายของเค้า

ย้อนกลับไปปี 1999 Elon คือเศรษฐีหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จจากเว็บไซต์ Zip2 ซึ่งขายให้กับ Compaq เป็นเงินสดถึง $307 ล้าน และเป็นหุ้นอีก $34 ล้าน
โดยส่วนแบ่งที่เค้าได้คือ $22 ล้านนั้นเรียกได้ว่าเค้าสามารถเกษียรตัวเองได้ตั้งแต่ยังหนุ่มอายุไม่ถึง 30 เลยทีเดียว
แต่เค้าไม่หยุดอยู่แค่นั้น Elon ใช้เงิน $10 ล้านไปสร้าง x.com ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น PayPal
และเมื่อปี 2002 ก็ได้ถูกขายต่อให้กับ eBay เป็นหุ้นถึง $1.5 พันล้าน (ซึ่ง Elon มีหุ้นอยู่ 11%)
แล้วในปีเดียวกันเขาก็ไปสร้างบริษัทที่ 3 คือ Space Exploration Technologies Corporation หรือ SpaceX ต่อ
เพราะเขาเชื่อว่าเขาสามารถทำมันได้ดีกว่าที่ NASA ทำ
และในปี 2008 เค้าก็สามารถเป็นเอกชนรายแรกที่ได้ทำสัญญากับ NASA ในการขนส่งสินค้าไปยังสถานนีอวกาศ
ต่อมาในปี 2012 SpaceX สร้างประวัติศาสตร์ในการส่งจรวด Falcon 9 ออกไปยังสถานีอวกาศได้สำเร็จ

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้น ในขณะเดียวกัน Elon ก็ได้ลงทุน Series A ต่อกับ Tesla Motors รถพลังงานสะอาดที่ใช้ไฟฟ้าแทนน้ำมันในปี 2004
โชคไม่ดี Tesla ประสบปัญหามากมาย เกือบจะเจ๊งๆ หลายครั้ง เค้าต้องใช้เงินทั้งหมดจากการขาย PayPal เพื่อต่อชีวิต Tesla
เขาต้องกู้เงินรัฐบาลสหรัฐถึง $465 ล้านในปี 2009 พร้อมกับออก IPO เพื่อระดมทุนต่อถึง $226 ล้าน ในปี 2010
ต่อมาในเดือนพ.ค. 2013 Tesla สามารถคืนเงินจำนวนนั้นให้กับรัฐบาลได้ทั้งต้นทั้งดอกเร็วกว่ากำหนดการถึง 10 ปี
ในวันนี้ Tesla ได้พิสูจน์ตัวมันเอง และได้กลายเป็นรถที่มีคนอยากได้มากที่สุดในโลกในปี 2014 ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเดือนส.ค. 2013 Elon ประกาศว่าจะทำ Hyperloop หรือท่อขนส่งความเร็วสูงที่สามารถส่งคนด้วยความเร็วกว่า 700 ไมล์ต่อชั่วโมง ด้วยทุนสร้างกว่า $6 พันล้าน และใช้เวลา 10 ปีนับจากนี้
ทั้งหมดนี้ต้องบอกว่าเพราะความมุ่งมั่นของ Elon เค้าเชื่อในสิ่งที่เขาทำ และมันได้เข้าไปเปลี่ยนอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เค้าก้าวเท้าเข้าไป

หากเราแบ่งผู้คนจับใส่ Matrix 2×2 โดยแกน x คือ ความชัดเจนของเป้าหมาย และแกน y คือ ความยิ่งใหญ่ของเป้าหมาย
Elon จะถูกจับไปอยู่ Quadrant ขวาบนแน่นอน
ส่วน Quadrant ขวาล่าง คือ เป้าหมายชัดเจนแต่ไม่ยิ่งใหญ่ ผมอยากยกตัวอย่างเพื่อนของผมที่ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งเป็นสิบปี เค้ามีความสุขในการทำงานที่นั้น และเป้าหมายของเค้าก็คือรับผิดชอบงานที่ทำให้ดีที่สุด
Quadrant ซ้ายบน คือ เป้าหมายไม่ชัดเจนแต่ยิ่งใหญ่ คนประเภทนี้คือคนที่กำลังค้นหาตัวเองอยู่ เค้ารู้ว่าเค้ามีศักยภาพซ่อนอยู่ภายในตัวมากมาย และไม่คิดจะทำอะไรเล็กๆ หากวันนึงเค้าก้าวข้ามไป Quadrant ขวาบนได้ นั่นคือ เค้าประสบความสำเร็จ แต่หากเขายังวนอยู่ใน Quadrant นี้ แปลว่าเค้ายังอยู่ในความฝัน และวันใดหากเจอฝันร้ายเค้าจะถามตัวเองอีกครั้งว่าทั้งหมดนี้กำลังทำเพื่ออะไร
สุดท้าย Quadrant ซ้ายล่าง คือ คนที่เป้าหมายทั้งไม่ชัดและยังเล็กด้วย คนกลุ่มนี้จะสาละวนอยู่ในกรอบตามแบบแผนที่สังคมกำหนด มีความสุขเป็นครั้งคราว มีความเศร้าตามอัตภาพ
เชื่อสิครับ ลองตั้งเป้าหมายให้ชีวิตดู ถึงมันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่มันจะสร้างความสุขและทิศทางในการดำรงชีวิตให้กับเรา มาย้ายตัวเองจากคนฝั่งซ้ายมาเป็นคนฝั่งขวากันเถอะครับ

Leave a Reply