SpaceX

2002 นอกจากเป็นจุดเริ่มต้นของ GoPro ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นของ SpaceX หรือ Space Exploration Technologies Corporation ของพี่ Elon Musk ที่เข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology) อีกด้วย
สิ่งที่ SpaceX ทำอยู่ในปัจจุบันคือ การออกแบบ ผลิต และปล่อยจรวด โดยตั้งเป้าหมายว่าในปี 2022 จะไปดาวอังคารให้ได้ เพราะถ้าโลกใบนี้มีอะไรเกิดขึ้น เขาจะพาพวกเราไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในอวกาศ Making Humans a Multiplanetary Species

โดยสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ คือ การนำจรวดหรือชิ้นส่วนกลับมาใช้ใหม่ (reusable) เพื่อลดค่าใช้จ่าย จากที่ในการส่งจรวดขึ้นแต่ละครั้งให้เหลือแค่ 10%
Musk สามารถผลิต hardware ในบริษัทเองได้กว่า 85% software ก็พัฒนาเอง กระบวนการต่างๆ ก็ lean ขึ้น
ถ้าเปรียบเทียบจำนวนพนักงานของ SpaceX ที่เกาะ Marshall ซึ่งมีเพียง 25 คน กับฐานปล่อยจรวดของบริษัทอื่นถือว่าน้อยกว่ามากๆ
Musk เล็งเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ การทำงานแบบเดิมๆ เป็น bureaucracy ใช้คนเยอะเกินความจำเป็น มีแต่หน่วยสนับสนุนที่เทอะทะ ตัดอะไรได้จึงตัดออก

ย้อนกลับไปดูผลงานที่ผ่านมาของบริษัทนี้กัน
2006 Falcon 1 ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศจาก หมู่เกาะฮาวาย
2008 NASA ยอมรับและว่าจ้าง SpaceX ให้ทำโครงการ International Space Station (ISS)
2010 Falcon 9 เที่ยวบินแรกออกทดสอบ
2014 Falcon 9 ได้รับการอัพเกรด และสามารถปฏิบัติหน้าที่ในการปล่อยดาวเทียมให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะ NASA
2015 Falcon 9 สามารถบินกลับมาลงจอดบริเวณฐานลงจอดได้เอง
2018 Faclcon Heavy จรวดที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ ถูกปล่อยขึ้นจาก Kennedy Space Center โดยบรรทุก Tesla Roaster ไปด้วย

อย่างไรก็ดี SpaceX ก็เคยประสบปัญหาหนัก 2 ครั้ง คือ
2015 Falcon 9 เกิดระเบิด ในภารกิจ CRS-7
2016 Falcon 9 ระเบิดคาฐานยิงเนื่องจากความผิดพลาดด้านระบบแรงดัน ทำให้ฐานปล่อย LC-40 ไหม้ไปด้วย

ถ้าถามว่าแล้วใครคือลูกค้าของ SpaceX เขาทำเงินได้ยังไง?
เนื่องจาก SpaceX เป็น private company จึงไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน แต่ที่ทราบกันรายได้ของพวกเขามาจากการขนส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรของโลก โดยลูกค้าก็คือบริษัทด้านดาวเทียมขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงไม่ว่า Intelsat, Iridium, Inmarsat หรือแม้แต่ Thaicom ของเราก็ยังเคยใช้บริการของ SpaceX ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา SpaceX มีเที่ยวบินไปแล้วมากกว่า 100 เที่ยว น่าจะทำรายได้ไปแล้วกว่า $12,000 ล้าน
นอกจากนี้รายรับก้อนใหญ่มาจาก NASA เพราะ SpaceX ก็มีความสัมพันธ์อันดีมากๆ พวกเขาได้รับทุนในโครงการ Commercial Resupply (CRS) เพื่อจัดหายานอวกาศในการขนส่งของขึ้นไปสถานีอวกาศนานาชาติ SpaceX จึงได้สร้างยาน Dragon และ Falcon 9 ขึ้นมา และมีสัญญามูลค่า $14,000 ล้าน สำหรับการขนส่ง 20 ครั้ง ซึ่ง NASA ก็ให้ทุนเท่ากันกับ Orbital ATK แต่บริษัทนั้นสามารถส่งยานให้กับ NASA ได้เพียง 10 ครั้งเท่านั้น แปลว่า SpaceX ทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าบริษัทอื่นเท่าตัวทีเดียว

ก้าวถัดไปของพวกเขาคือ Big Falcon Rocket (BFR) ซึ่งบางคนเรียกมันว่า Big Fucking Rocket ที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น StarShip เป็นจรวดลำใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเค้าจะใช้ในการพาผู้คนเดินทางไปที่ไหนก็ได้ในโลกภายในไม่เกิน 1 ชั่วโมง หรือแม้แต่การพาผู้คนไปดาวอังคารในอนาคต โดยจากฐานถึงยอดจะมีความสูงถึง 122 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 17 เมตร สามารถบรรทุกสัมภาระได้มากถึง 150 ตัน และจุผู้โดยสารได้มากถึง 100 คน

Leave a Reply