ก่อนอื่นต้องขอบคุณน้องกานต์ที่ช่วยวาดรูปสวยๆ เหล่านี้ให้ แต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปใส่หนัังสือที่กำลังจะออกได้หรือเปล่า เลยเอามาใส่ใน blog ก่อนเลยแล้วกัน เรื่องราวเหล่านี้มาจากประสบการณ์ส่วนหนึ่งที่ได้เห็นได้พบเจอจากการทำงาน ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยกับคนที่อยากทำ Startup เลยเอามาแชร์กันครับ
1. ทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำ
มีหลายคนมักจะถามคนอื่นว่า “อยากทำธุรกิจ ทำอะไรดี?” ซึ่งถ้าจะไปถามคนอื่น ก็ไปเป็นลูกจ้างคนอื่นเถอะครับ อย่าคิดจะทำธุรกิจของตัวเองเลย การจะทำธุรกิจของตัวเองให้ประสบความสำเร็จได้ตลอดรอดฝั่งนั้น สิ่งที่สำคัญที่ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องมี ฝรั่งเรียกว่า “passion” ส่วนคนไทยอาจจะแปลว่า “ความหลงไหล” ถ้าเรายังไม่หลงรักไม่รักในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มันยากมากครับที่เราจะทำมันออกมาให้ได้ดี หรือแม้แต่จะอยู่กับมันได้ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง
2. จงอย่าหยุดเมื่อเหนื่อย แต่ให้หยุดเมื่อเสร็จแล้ว
การเป็น Startup เราจะมีงานต่างๆ ลุมเล้าเข้ามาตลอดเวลา ดังนั้นการบริหารเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ที่จะทำให้ชีวิตหน้าที่การงานไม่ไปเบียดเบียนกับชีวิตด้านอื่นๆ ในแต่ละวันเราควร list ออกมาว่าต้องทำอะไรบ้าง และทำงานนั้นๆ ให้เสร็จเป็นวันไป อย่าดองจนดินพอกหางหมู เพราะมันจะมีงานอื่นๆ เข้ามาทับถมเข้าไปอีก ยิ่งมากขึ้นเท่าไรเราก็จะยิ่งเหนื่อย และยิ่งหมดกำลังใจไปเรื่อยๆ ขึ้นเท่านั้น ตรงนี้ฝรั่งก็เคยมีหนังสือชื่อว่า Eat That Frog! ถ้าใครสนใจลองไปหาอ่านดูครับ
3. อย่ายุ่งกับการแข่งขันจนลืมลูกค้า
ความสนุกของการเป็น Startup อย่างนึงคือนอกจากแข่งกับตัวเองแล้ว บางทียังได้แข่งกับคนอื่นที่ทำอะไรคล้ายๆ กัน พอเห็นเค้าทำ ก็จะเผลอนึกเอาหละสิเราต้องทำอะไรบ้าง หนักเข้าเริ่มไปโฟกัสอยู่กับคู่แข่งมากเกินไป ซ้ำร้ายถ้าตัดราคากันไปกันมากลายเป็น red ocean จะแย่ทั้งคู่ ดังนั้นต้องอย่าลืมว่าคนที่จ่ายตังค์เราคือลูกค้า ถ้าเราทำงานของเราให้ดีพอ เข้าถึงจิตใจลูกค้าได้ ทำให้ลูกค้า “ติด” ไม่ว่าคู่แข่งจะมาไม้ไหนก็ไม่ชนะเราหรอกครับ สรุปก็คือตัวเราทำธุรกิจก็ต้องโฟกัสที่ธุรกิจของเรา ดูว่าคนอื่นทำอะไรได้ แต่เอาแค่พอดี เพราะทุกคนต้องมีทางของตัวเองครับ
4. ไม่ไว้ใจอย่าใช้ ถ้าใช้ต้องให้สิทธิ์เต็ม
ศาสตร์ของการใช้คนเป็นเรื่องยาวที่คุยกันไม่มีวันจบ นอกจากอยู่ที่ตัวบุคคลยังขึ้นกับสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ อีกมากมาย แต่มีเคล็ดลับง่ายๆ ว่า ถ้าเราจะใช้ใครให้ทำอะไรให้เรา เราต้องเชื่อมั่นในตัวเค้าคนนั้นและแสดงให้เห็นว่าเราศรัทธาในตัวเค้าเชื่อว่าเค้าสามารถจบงานที่สั่งไปได้ด้วยตัวเอง ซึ่งแตกต่างจากการโยนงานที่สั่งเสร็จแล้วเปิดตูดหนี ต้องคอยหมั่นคุยความคืบหน้า และให้เค้าได้เสนอความคิดและเถียงได้ทำ และสุดท้ายถ้าคนคนนั้นคือคนที่ใช่ เค้าคือ partner ที่สำคัญของธุรกิจเรา
5. ทรัพยากรมีจำกัด ใช้สอยให้ระวัง
สำหรับคนกำลังเริ่มต้นที่จะทำธุรกิจของตัวเอง อารมณ์มันจะแตกต่างจากการเป็นลูกจ้างมาก ทุกบาททุกสตางค์ต้องคิดให้ดีๆ ก่อนใช้ออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ก็ห้ามงกนะครับ เพราะมีเรื่องที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อประหยัดเวลา และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจของเราอยู่ ต้องรักษาสมดุลย์ให้ดีระหว่างอะไรควรใช้ก็ใช้ กับอะไรไม่ควรใช้ทำเองได้ก็ทำครับ
6. จงทุ่มเทกับงานให้เหมือนพระเจ้าตาก
ใครไม่เจอกับตัวเอง ไม่รู้หรอกครับว่าการทุบหม้อข้าวทิ้งไปหากินเอาในค่ายข้าศึกมันเป็นอย่างไร บางทีหลายคนเป็น Startup เพราะอยากเท่ห์ อยากมีชีวิตส่วนตัว แต่พอเจอปัญหาเข้าจริงก็ไม่สู้กับมันตรงๆ บางทีก็ทุ่มเทไม่พอ เพราะมัวแต่คิดว่า “ทำดีที่สุดแล้ว” ซึ่งแค่นั้นไม่พอครับ การจะทำให้ธุรกิจเรารุ่งได้ต้องกล้าที่จะสละความสะดวกสบาย ทำงาน 24*7 กล้าที่จะลุย พร้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา เพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ครับ
7. จงตัดสินใจ และรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
อาจมีหลายครั้งที่เราลังเลว่าควรทำอะไรหรือไม่ทำอะไรดี แต่การเป็น Startup ที่ดี เวลาเป็นเรื่องสำคัญ เราไม่อาจจะปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปได้ (แม้วินาทีเดียว) ดังนั้นถ้ามีเรื่องต้องตัดสินใจจงรีบตัดสินใจอย่างระมัดระวัง และรีบทำเลยครับ จะผิด จะถูก มันคือประสบการณ์ที่เราจะได้รับ ที่สำคัญเมื่อเรื่องราวผ่านไปแล้วอย่าไปโทษใคร อย่าเสียเวลาหาแกะ เพราะมันคงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ก็อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน เติมความคิด สติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดครับ
8. speed speed speed
จริงๆ นะครับ ไม่เร็วไม่ได้แล้วยุคนี้ ตอนนี้ถ้ามัวแต่วางแผน แล้วไม่ลงมือทำ ไม่ต้องกินกันพอดี หรือ ถ้าทำแล้วทำช้า คู่แข่งก็แซงหน้าไปไกลเลยครับ สรุปว่าเป็น Startup เนี่ย ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากทรัพยากรน้อย ต้องใช้อย่างชาญฉลาดแล้ว ยังต้องทำให้ไวด้วยครับ ขอตัวไปทำงาก่อนนะครับ ฟิ้วววว
Leave a Reply