การมาญี่ปุ่นครั้งนี้ ข้ออ้างหลักคือ มาร่วมงาน B Dash Camp 2013 Fall ในโอซาก้า ซึ่งกำหนดการเดินทางระหว่าง 3-9 ต.ค. 56 (งานจริงๆ เค้ามีแค่ 7-8 ที่เหลือก็เดินทาง กับเที่ยวๆๆๆ) แม้วันนี้วันที่ 7 ต.ค. จะยังไม่จบทริป แต่ก็ได้เรียนรู้ และได้แรงบันดาลใจหลายๆ อย่างมา จากงานบ้าง จากเพื่อนร่วมทางบ้าง และจากการเชื่อมจุดในหัวตัวเองบ้าง เลยขอถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อนนี่แหละเพื่อบันทึกอีกหนึ่งการเดินทางที่น่าสนใจครับ
โดยเนื้อหาใจความหลักของงานครั้งนี้ คือผู้จัด B Dash Venture ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นอยากจะสร้างสถานที่ให้แขกที่มาร่วมงานได้ใช้เป็น springboard ในการก้าวสู่ธุรกิจในระดับที่ใหญ่ขึ้น มีทั้งช่วงที่เป็นการบรรยาย ช่วงที่เป็น networking และช่วงที่ให้ pitching และก็แน่นอนผมเอา BOXBOX.me มา pitch ครับ ก็ตัดสินใจอยู่นานเหมือนกันว่าจะมาไม่มาดี แต่ด้วยช่วงจังหวะชีวิตเลยขอสักครั้งแล้วกัน
ท้าวความกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาส pitch เป็นภาษาอังกฤษให้นักลงทุนต่างชาติฟังเป็นครั้งแรก ไปแบบไม่รู้ว่าไปทำไม เวลาผ่านมาปีกว่าๆ ก็ได้มีโอกาสไป pitch อีก 2-3 งาน โดยแต่ละครั้งก็มีจุดประสงค์ และระดับการเตรียมตัวที่ต่างกันไป บางครั้งก็รู้ว่าทำดีแค่ไหนมันก็ไม่ขึ้นอยู่กับเรา บางครั้งก็ขอแค่ผ่านๆ ไป และสำหรับครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งหนึ่งที่มีการเตรียมข้อมูลมาดีพอสมควร มีการนั่งทำตัวเลขและมีการวางแผนกลยุทธ์ที่จะใช้อย่างจริงจังในอนาคตมาด้วย ขอบคุณพี่ต้นที่ให้คำปรึกษาตลอดสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาครับ
แต่… ด้วยความสนุกของผู้จัด เค้าไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเลยว่าต้องเตรียมตัวพูดกี่นาที มี format อย่างไร ถามก็ไม่บอก แล้วก็มาบอกเอาหน้างานพร้อมกันทุกคนว่ามีเวลาแค่ 5 นาที ทั้งหมด 33 ทีม ไม่มีช่วงถามตอบเพราะเวลาไม่พอ ซึ่งก็พระเจ้าช่วยกล้วยทอดครับ คือด้วยความที่เตรียมข้อมูลมาเยอะ กะจะเล่าให้ฟังเต็มๆ สัก 10 นาทีได้ สไลด์ก็ขอให้บีช่วยทำให้แก้อยู่สองสามรอบ แล้วนี่แปลว่าต้องตัดออกครึ่งหนึ่งของที่เตรียมมาเลยหรือ ในเมื่อมันเป็นกติกาก็ต้องทำครับ และด้วยความโชคดีหรืออะไรก็ไม่ทราบ BOXBOX ขึ้นต้นด้วยตัว B จึงได้เป็นบริษัทแรกที่ได้ pitch ครั้งนี้ พอเค้าบอกปุ๊บก็เลยต้องมาตัดสไลด์ ตัดเนื้อหา มีเวลาตั้งตัวอยู่ครึ่งชั่วโมง ได้ซ้อมพูดในใจ 2-3 รอบ
และแล้วก็ถึงเวลา pitch ที่ขึ้นไปแบบงงๆ ลงมาแบบงงๆ อ้าว 5 นาทีผ่านไปแล้วหรือ 555 สิ่งที่จำได้อย่างเดียวคือคำพูดจากทีมผู้จัดว่า “enjoy your pitching” แล้วก็พูดๆๆๆ ไปเรื่อย ด้วยว่าเป็นภาษาอังกฤษด้วยแหละ กลัวพูดผิด พูดถูก กลัวเค้าไม่เข้าใจด้วย เลยรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดี ไม่ได้ enjoy กับมันอย่างที่ทีมงานเค้าแนะนำไว้ นี่เป็นจุดแรกที่มานั่งคิดๆ แล้วสะดุดว่า จริงๆ ในชีวิตการทำงาน ไม่ว่ามันจะซีเรียส จะกังวลแค่ไหน ถ้าเราสนุกกับมัน ผลลัพธ์มันจะออกมาดี เพราะมันมีแรงจูงใจให้เราทำมันให้ออกมาให้ดี ไม่ใช่ทำมันออกไปให้แค่เสร็จ
แล้วหลังจากจบ session การ pitch ไป ก็มานั่งฟังบรรยาย (ที่พูดเป็นญี่ปุ่นแต่มีเครื่องแปล) มีช่วงหนึ่งวิทยากรพูดเกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำงานว่า หัวใจสำคัญที่สุดอยู่ที่ต้องสนุกกับมัน ให้เลือกใช้คนที่อยากทำงาน เพราะเค้ารัก เค้าชอบ เค้าสนุก กับงาน ไม่ใช่ใช้คนเพราะตำแหน่งมันว่างอยู่ หรือคนคนนั้นว่างงานอยู่ ต้องหาคนที่มี passion ในองค์กรให้เจอ ผลลัพธ์ที่ได้มันจะต่างกันอย่างมหาศาล
ย้อนกลับมามองตัวเองกับความไม่พอดี ขาดบ้าง เกินบ้าง และบางครั้งก็ไม่ได้สนุกกับบางกิจกรรมที่ต้องทำทั้งๆ ที่ก็รู้อะนะว่าต้องทำเพื่ออะไร สิ่งที่มันขัดแย้งอยู่ในใจตัวเองคือ เราไม่ใช่คนแบบนี้ เราไม่ใช่คนพูดเก่ง เราไม่ใช่คนที่มี acting เราไม่ใช่ ฯลฯ เฮ่ยยยยย เรากำลังอยู่ใน comfort zone ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาแบบไม่รู้ตัวอีกแล้ว เพื่อที่จะให้ตัวเองมีบุคลิกสุขุม มีมาร์ต ดูเป็นนักวิชาการ อ้าววว ไม่ใช่แล้ว ผิดบทบาทแล้วนะ ถ้าอยากจะทำธุรกิจ อยากจะเป็น Startup มันไม่ใช่แบบนี้แน่
ซึ่งพอสังเกตคนรอบๆ ที่มาร่วมงานนี้ เอาแค่เฉพาะคนไทย ส่วนใหญ่คือ CEO จากบริษัท Startup ต่างๆ อย่าง คุณกั๊ก Computerlogy เวลาเล่นเค้าก็เล่นบ้าๆ บอๆ นะแต่มันมีมุมที่เห็นว่าเค้าจริงจังกับธุรกิจกับงานแค่ไหน หรือ ทร bentoweb อันนี้ก็ drama over acting เลย เพื่อให้การสื่อสารเป็นเรื่องสนุก แต่รับรู้ได้ว่าแต่ละก้าวที่เค้าเลือกทำมีวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ทรยังแสดงให้เห็น passion การแสดงความมั่นใจในสิ่งที่ทำอยู่ การแข่งขันไม่ใช่แค่แพ้ชนะ เราอาจได้เพื่อนจากสนามรบ ที่ต้องซื้อใจด้วยใจ รักษามิตรภาพด้วยคำมั่นสัญญา (แล้วเดี๋ยวจะค่อยดูต่อไปนะ) หรืออย่างคุณนิกกี้ avalable ก็เป็นหญิงเกร่งอีกคนที่กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก วันนี้เห็นสปริตในเรื่องการส่งเสริมน้องในทีมให้ความสำคัญกับทีม ทุกคนเหมาะกับการเป็นผู้นำทีมของตนเองไปสู่จุดที่ตนเองต้องการ ครับ มันมีลักษณะเฉพาะของผู้นำบางอย่างที่เราสามารถสัมผัสได้จากการได้อยู่ใกล้ชิดคนเหล่านี้
บทเรียนนี้น่าสนใจมากตรงที่ มันไม่ใช่ hard skill แต่มันสามารถพัฒนาได้ จากการฝึกฝน จากความตั้งใจ การใช้ชีวิตไม่ใช่การอยู่ไปวันๆ ทำงานผ่านไปเรื่อยๆ แต่มันคือการสนุกกับงาน การมีเป้าหมายกับสิ่งที่ทำ เคารพในตัวเองและคนรอบข้าง เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ด้วยใจ ขอบคุณทุกคนสำหรับบทเรียนวันนี้ครับ …
Leave a Reply