วันก่อนเราคุยกันไปแล้วว่าเราจะได้ในสิ่งที่เราเชื่อ เพราะเราเป็นคนกำหนดในสิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้น
วันนี้ผมมีอีกด้านหนึ่งที่อยากจะมาแชร์ จากประสบการณ์เล็กๆ ในชีิวิตน้อยๆ ของอิงอิงที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน
เรื่องราวก็มีอยู่ว่า ในสนามจะมีอุปกรณ์อยู่ชิ้นหนึ่งคือบันไดราวเหล็ก 180 องศา (รูปครึ่งวงกลม) ที่อิงอิงปีนทีไรก็ปีนได้แค่ 3-4 ขั้นเท่านั้น ไม่เคยถึงจุดสูงสุดเลย
คุณแม่ก็เลยลองถามว่า ทำไมหนูไม่ปีนขึ้นไปตรงกลางหละ น้องตัวเล็กกว่าหนูยังทำได้เลย
อิงอิงบอกว่าหนูกลัว หนูก็ไม่กล้าก้าวขาออกไปเหยีบอันที่อยู่สูงกว่า เดี๋ยวจะตกลงมา
ซึ่งในสายตาผู้ใหญ่อย่างเรา เราก็มองว่าไม่เห็นยากเลย เด็กตัวเล็กกว่าขาสั้นกว่ายังทำได้
แต่มันไม่ใช่สำหรับอิงอิง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิต เธอกลัวว่าจะตกลงไป จะเจ็บไหม มันสูงนะ
และสิ่งที่เราทำได้ในฐานะผู้ใหญ่ก็คือ การให้กำลังใจ และการให้คำแนะนำ หนูลองเหยียบตรงนี้ก่อนสิ แล้วก็ขยับมาเหยียบตรงนั้น
ซึ่งผลลัพธ์ก็คือจากก้าวแรกที่เธอลองทำตาม และปรากฏว่าทำได้ มันทำให้เธอมีกำลังใจที่จะก้าวต่อไปจนถึงยอด
แล้วเชื่อไหมแหละครับ คราวนี้เล่นไม่หยุดเลย ขึ้นจากฝั่งนี้ลงฝั่งนั้น สลับไปสลับมา พอบอกให้กลับบ้านก็บอกว่าสนุก ยังไม่อยากกลับ
ความกลัว ความไม่รู้ ความไม่คุ้นเคย นี่แหละครับที่ทำมนุษย์เราไม่กล้าที่จะเผชิญกับอุปสรรคที่อยู่ข้างหน้า
การก้าวเข้าสู่ดินแดนใหม่ๆ ที่ไม่รู้จักทางความคิด ต้องอาศัยความกล้าหาญอย่างมาก
ยิ่งแก่ประสบการณ์ยิ่งเยอะ ยิ่งมี comfort zone ยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งไม่กล้าก้าวข้ามผ่านมันออกไป
บ่อยครั้งที่ผมเฝ้ามองผู้คนว่าทำไม เขาหรือเธอไม่ย้ายตัวเองจากจุด A ไปจุด B ทั้งๆ ที่มันน่าจะดีกว่า (ในสายตาของเรา)
เหตุผลมันอาจจะเพราะ ความกลัว นี่แหละครับ ที่ทำให้เธอไม่กล้าคิดอะไรนอกกรอบ (กลัวสังคมประณาม) ทำให้เขาไม่กล้าตั้งเป้าหมาย (กลัวทำไม่สำเร็จ)
หรือแม้แต่การไม่กล้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรียนต่อ ย้ายงาน คบแฟนใหม่ ฯลฯ ทั้งหมดเพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต
อนาคตแม้เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ปัจจุบันคือสิ่งที่สามารถกำหนดอนาคตได้ดีที่สุด เพราะอนาคตไม่ได้ถูกสร้างจากอดีต (เสียทีเดียว)
การยึดติดกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวในอดีตจึงไม่ได้ช่วยให้อนาคตดีขึ้น การอยู่กับปัจจุบันต่างหากที่สามารถทำให้ชีวิตขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้
แต่ความกล้ากับความบ้ามันก็ใกล้กันมากนะครับ การที่เราตัดสินใจอะไรลงไปในวันนี้ด้วยความคิดชั่ววูบ มันไม่ใช่ความกล้าหาญที่แท้จริง
ผลลัพธ์ที่จะตามมาในวันพรุ่งนี้ มันก็จะเหมือน การพนันที่เราได้แต่ลุ้นอย่างเดียว ว่าจะได้หรือจะเสีย โอกาสเป็น 50:50 หรือเปล่า บางทีก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
เช่นสมมติเราอยากย้ายงาน ก็ลาออกแล้วไปเตะฝุ่นเลย หวังว่าเดี๋ยวสักพักคงได้งานใหม่ อย่านะ! ขอร้อง ชีวิตจริงมันไม่ง่ายแบบนั้นครับ
การที่เราจะทำหรือไม่ทำอะไรสักอย่าง ผมอยากให้เราถามตัวเองก่อนว่า ทำไม ทำไม ทำไม หรือให้ดีก็ถามด้วย 5W1H เลย (who what when where why how)
หากเรามีความพร้อม และมีความเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงจะนำมาซึ่งสิ่งที่ดีขึ้น ก็จงมั่นใจและกล้าที่จะคว้าโอกาสนั้น
หรือถ้าอยากให้ชัวร์มากขึ้น จงไปหาผู้ใหญ่ที่เค้ารักเราเอ็นดูเรามีประสบการณ์ที่จะบอกกับเราว่าสิ่งที่เราคิดในสายตาของเค้าเป็นเช่นไร
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราไม่มีความพร้อม ไม่มีข้อมูล ไม่มีห่าอะไรเลย มีแต่ความเชื่ออย่างเดียว มี feeling ว่ามันจะดีขึ้น ถ้ามีเท่านี้ อย่าทำ!!! ครับ
เพราะในขณะที่เราเชื่อแบบนั้น อาจจะมีบางคนที่เค้ามีพลังแก่กล้ากว่าเรา มีความเชื่อที่เต็มเปี่ยมในฝั่งของเค้า ที่จะมาหักล้างความเชื่อของเราให้อ่อนแรงหมดสิ้นกำลังไป
การเฝ้าถามว่าทำไม เป็นการต่อสู้ทางความคิด ที่จะสะสมไปเป็นปัญญา และนำมาซึ่งความศรัทธา ความเชื่ออย่างแรงกล้า เป็นแรงปรารถนา เป็น passion
เมื่อเราเชื่ออย่างหมดใจว่ามันเป็นอื่นไปไม่ได้แล้ว เราจะแสดงออกมาอย่างนั้น และเราจะทำให้คนอื่นเชื่อเช่นนั้นด้วย และนี่แหละครับคือ ความกล้า ที่แท้จริง
ปล. แต่ในระหว่างทางแห่งศรัทธา หากเราพบว่าสิ่งที่เราเชื่อไม่ใช่ความจริงที่เราอยากจะให้เป็น วันนั้นมีเฮ
Leave a Reply