ถ้าเราได้รับเชิญไปงานปาร์ตี้ กินฟรี ไม่ต้องเสียตังค์
แล้วสมมติว่าอาหารบางอย่างหมด เราจะต่อว่าเจ้าภาพไหมครับ?
เอาใหม่ ถ้าเราเชิญแขกมาร่วมงานเลี้ยง เพื่อเป็นเกิียรติในพิธีสำคัญของตัวเราเอง
แล้วสมมติว่าแขกที่เชิญไปไม่ยอมมาเลย เราจะต่อว่าแขกไหมครับ?
ก็ห่างหายจากการเขียนบล็อกมาหลายวัน
พอดีวันนี้จังหวะเคลียร์ภาระกิจล็อตใหญ่เสร็จ
ประกอบกับมีเรื่องราวเล็กๆ มาสะกิดใจ
เลยต้องถือโอกาสเอาแรงนี้มาเปลี่ยนเป็นพลังผลักดันชีวิตสักหน่อย
วันนี้ 12 ก.ค. เป็นวันเปิดตัว Crayon สังคมความรู้ธุรกิจด้านดิจิตอลสำหรับ SMEs ไทยที่ K-SME Care Knowledge Center อาคารจามจุรีสแควร์
พวกเราใช้เวลาเตรียมงานนี้มานานพอสมควร กว่าจะระดมสมองหาธีม กว่าจะเชิญวิทยากร กว่าจะหาพิธีกรที่เหมาะสมได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
ยิ่งใกล้วันงาน ก็ยิ่งรน เพราะมีปัญหาจุกจิก ติดโน่นติดนี่เข้ามาเรื่อยๆ ให้พอได้ใช้ปัญญาแก้ปัญหากันตลอดๆ
และพอมาถึงต้นเดือน ก.ค. ตายแล้ว มีเวลาประชาสัมพันธ์ประมาณไม่ถึง 2 อาทิตย์
แต่เอาหละถึงจะเป็นช่วงหยุดยาว พวกเราก็ฟอร์มงานกันมาขนาดนี้แล้ว ไม่ลองไม่รู้ครับ ลุย!
ผลปรากฎว่า สถานที่รองรับได้ 80 ที่นั่ง แต่มีคนสมัครเข้ามากว่า 450 คน
แค่วันแรกที่เปิดรับก็เต็มซะแล้วครับ แต่มันหยุดยาวใช่ไหม งั้นต้องเผื่อคนไม่มาไว้สักหน่อย
สุดท้ายเราเลยกันที่ตอบยืนยันกลับไป 110 คน (สำรองไว้เผื่อขาดสัก 30 แล้วกันนะ)
ครับเช้าวันเสาร์ วันนี้มาเตรียมสถานที่ รีบหาเก้าอี้เสริมก่อนเลยครับ ได้มาอีกประมาณ 10 ตัว รวมเป็น 90 ตัว
แล้วก็ภาวนาว่ามันคงพอดีๆ ไม่ขาด ไม่เกิน อะไรมากมายนักนะ
แต่เรื่องไม่ขาดฝันก็เกิดขึ้นได้เสมอ ก็มีคนลงทะเบียนแต่ไม่ได้รับการยืนยันมา
ดังนั้นทางทีมงานก็บอกว่าขอให้รออยู่หน้างานก่อน จนกว่างานเริ่มเห็นว่าพอมีเก้าอี้เหลือตัวสองตัวถึงได้ปล่อยให้คนเหล่านี้เข้าไป
ตัวผมเองอยากจะเข้าไปฟังแต่ก็ไม่มีที่เหมือนกัน ทำได้แค่ยืนมุงอยู่หน้าห้องเหมือนคนอื่นๆ
แล้วก็มีสาวหน้าตาดีคนหนึ่งเข้ามาบอกกับผมว่า เธอได้ลงทะเบียนมาค่ะ แต่ทำไมเธอไม่มีที่นั่ง แล้วผมจะจัดการอย่างไร
ด้วยความเป็นคนไม่คิดมาก ผมก็ตอบกลับไปว่า ขอโทษด้วยนะครับที่เต็มแล้วก็คงต้องยืนหละครับ
เธอตอบกลับมาว่า เธอตั้งใจมางานนี้มากนะ เธอต้องมาจากต่างจังหวัดเลยนะ
ผมรู้สึกผิดขึ้นในใจทันที แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง ก็ที่นั่งมันเต็มแล้ว และงานก็เริ่มไปแล้วด้วย
ก็เก็บความรู้สึกติดใจเล็กๆ นี้ออกมาจากงาน แม้งานจะจบไปแล้วด้วยดี เห็นผู้คน happy กันดี
ใจนึงก็คิดว่าก็งานฟรีอะ เราทำเต็มที่ได้ประมาณนี้แหละ มันก็ต้องมีทั้งคนชอบคนไม่ชอบบ้างหละ
ส่วนอีกใจนึงก็คิดว่าเธอคงผิดหวังกับความไม่มีหัวใจให้บริการของเราเลย เราทำอะไรให้เธอได้ดีกว่านี้อีกไหม
ก็เลยมานั่งคุยกับอี่ได้ความว่า
1. ถ้าเราจัดการสถานการณ์แบบนี้ไม่เป็นมีทางเลือกให้ 2 ทางคือ (1) เรียนรู้จากประสบการณ์ไปเรื่อยๆ (2) หาคนอื่นมารับหน้าแทน
2. อี่ถามว่า ที่นั่งเต็มทั้ง 90 ที่ ไม่รู้จักใครในนั้นที่จะเอาเก้าอี้มาให้แขกคนนี้ได้เลยหรือ นี่ถือว่าโชคดีมากเลยนะที่แขกคนนั้นไม่ได้โวยวายอะไร
แค่นั้นแหละครับ ผมนึกภาพออกเลย เพราะสอนเรื่อง Social media มาพอสมควร เห็นเคสลูกค้าปะทะกับแบรนด์มาก็เยอะ
คราวนี้เจอกับตัวเอง ทำไมผมนึกไม่ออก ณ วินาทีนั้นนะ
ก็ถ้าสมมติว่าเธอเกรี้ยวกราดขึ้นมา ไปโพสต์ต่อว่าใน pantip ใน facebook หรือที่อื่นๆ แล้วผมจะไปตามขอโทษได้หมดได้อย่างไร
ดังนั้นถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่ผมควรทำไม่ใช่แค่ขอโทษแล้วหละ แต่ควรหา solution ให้เธอพอใจด้วย
ผมสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น แต่ผมไม่ทำ เพราะไม่มีหัวใจให้บริการนั่นเอง ต้องฝึกให้เยอะ เจอคนให้มาก และเรียนรู้จากความผิดพลาดในทุกๆ ครั้ง
ขอบคุณแขกคนสำคัญของผมในวันนี้ที่สอนให้ผมได้รู้ว่าตัวเองต้องปรับปรุงอีกมากแค่ไหน
อย่ามองแต่จากมุมหรือจุดยืนของตัวเอง ทำธุรกิจต้องหมั่นมองในมุมของลูกค้าด้วย ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ
Leave a Reply